ยุทธการ ทลายเครือข่าย แก๊งค์ Call Center ข้ามชาติ ครั้งที่ 3
ตามนโยบายของรัฐบาล ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรม ที่กระทำความผิด
และส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพฤติการณ์ใช้โทรศัพท์ หลอกลวงประชาชน
โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นหรือกลุ่มแก๊งค์ Call Center มีพฤติการณ์ใช้โทรศัพท์หลอกลวง ประชาชนทั่วไป
และมีผู้หลงเชื่อจนเป็นเหตุให้เกิดความสูญเสียทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.จึงมีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจทุกหน่วยในสังกัดดำเนินการสืบ สวนติดตามจับกุม
กลุ่มผู้กระทำความผิดมาดำเนินการตามกฎหมายและขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการตลอดจน วิเคราะห์แผนประทุษกรรม
ของกลุ่มคนร้าย เพื่อหามาตรการในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน โดยมีคำสั่งแต่งตั้ง พนักงานสืบสวนสอบสวน
ตามคำสั่ง ตร.ที่ 683/2560 ให้พนักงานสืบสวนสอบสวนมีอำนาจหน้าที่ในการสืบ สวนสอบสวนความผิดเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์
ฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นผู้อื่น (แก๊งค์ Call Center) และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง
โดยมอบหมายให้ พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ รรท.ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.เป็นหัวหน้า พนักงานสืบสวนสอบสวน
ผู้ควบคุมการปฏิบัติ ซึ่งได้มีปฏิบัติการไปแล้ว 2 ครั้ง ต่อมา จึงมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมประสานงานกับ
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการ ฟอกเงิน (ปปง.) ให้เข้าตรวจสอบ ยึด และอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาและผู้ร่วมขบวนการ
เพื่อนำเข้าสู่กระบวน การยึดทรัพย์ของ ปปง. ซึ่งจะได้ขออำนาจศาลพิจารณานำทรัพย์สินเหล่านั้นคืนให้กับผู้เสียหายต่อไป
จนนำไปสู่ปฏิบัติการครั้งที่ 3 (ในครั้งนี้) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.,
พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ รรท.ที่ปรึกษาพิเศษ ตร., พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี รรท.ผบช.ทท.,
พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร รรท.รอง ผบช.ภ.2,
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.รอง ผบช.ทท., พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ รรท.รอง ผบช.สกบ.,
พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น., พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารณชัย รรท.รอง ผบช.สตม.,
พล.ต.ต.ประเสริฐ เงินยวง รรท.ผบก.ทท.1, พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง ผบก.ปอศ.,
พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษณ์ รรท.ผบก.สปพ., พ.ต.อ.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา รรท.ผบก.ปอท.
ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจ ท่องเที่ยว, กองบัญชาการตำรวจนครบาล
โดยกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ และกองบังคับการ สืบสวนสอบสวน, ตำรวจภูธรภาค 6
โดยกองกำกับการวิเคราะห์ข่าว และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการปราบปรามอาญชากรรมทางเศรษฐกิจ
และกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทาง เทคโนโลยี ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
เข้าตรวจค้นเป้าหมายร่วมทั้งสิ้น 10 จุด เพื่อตรวจยึดและอายัดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดและผู้ร่วมขบวนการ ได้ดังนี้
1.บัญชีธนาคาร จำนวน 77 บัญชี เป็นจำนวนเงินกว่า 77 ล้านบาท
2.รถยนต์ จำนวน 6 คัน ประกอบด้วย
(1) รถยนต์ ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีขาว หมายเลขทะเบียน 1กข 5144 กทม.
(2) รถยนต์ ยี่ห้อฮุนได สีเทา หมายเลขทะเบียน ฮบ 6273 กทม.
(3) รถยนต์ ยี่ห้อฟอร์ด สีดำ ป้ายแดง หมายเลขทะเบียน ญ 3890 กทม.
(4) รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า สีเงิน หมายเลขทะเบียน ศร 3353 กทม.
(5) รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน กน 5026 กทม.
(6) รถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน 3กม 5588 กทม.
3.อสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย สถานประกอบการที่เกี่ยวข้องกับแก๊งค์ Call Center จำนวน 2 แห่ง
“รวมทรัพย์สินที่ตรวจยึดอายัดในครั้งนี้ มูลค่ากว่า 120 ล้านบาท”
และได้มีการสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มผู้กระทำความผิดแก๊งค์ Call Center แก๊งค์ที่ 3 ซึ่งได้ก่อเหตุ ในพื้นที่ สน.หัวหมาก
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการขออนุมัติจากศาลออกหมายจับผู้ต้องหาได้ 7 ราย 7 หมายจับ
และสามารถจับกุมตัวได้ 3 ราย 3 หมายจับ ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดย แสดงตนเป็นบุคคลอื่นฯ”
มีรายละเอียดดังนี้
1.นายทอมมี วู ( Mr.Tommy Wu )
สัญชาติอินโดนีเซีย ตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนงที่ จ.656/2560
2.นายจิรวัฒน์ กล่อมบาง
สัญชาติไทย ตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนงที่ จ.632/2560
3.นายจิรพัฒน์ คณารุจินานนท์
สัญชาติไทย ตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนงที่ จ.631/2560
“จากการสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มผู้ร่วมกระทำความผิดจากการปฏิบัติการ ทั้ง 3 ครั้ง สามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับ
ผู้ร่วมขบวนการได้ 113 หมายจับ จับกุมได้ 80 หมายจับ ผู้ต้องหาอยู่ต่างประเทศ 7 หมายจับและอยู่ระหว่างสืบสวนติดตามจับกุม
26 หมายจับ”